บทที่ 1
บทนำ
แนวคิดที่มาและความสำคัญ
การทำขนมกาละแมในสมัยก่อนกวนกินกันเวลามีเทศกาลทำบุญพิธีต่าง
ๆ ในหมู่บ้าน เช่น แต่งงาน บวชนาคทอดกฐินขึ้นบ้านใหม่ ทำกันในหมู่ญาติ
โดยใช้น้ำตาลเหลวเรียกว่าน้ำตาลโตนด ใส่กะทิ ใส่แป้ง
เมื่อก่อนใช้โม่กับมือที่เรียกว่า “ครกบด”
เคี่ยวน้ำตาล ประมาณ2 – 3 ชั่วโมงจนเป็นยวงเหนียวข้นได้ที่
เมื่อก่อนกาละแมจะตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมบรรจุถุงขายต่อมาได้มีการปรับปรุงใช้น้ำตาลทรายขาว
น้ำตาลปี๊บทำเป็นกาละแมสีขาว และเปลี่ยนรูปแบบจากการตัดเป็นชิ้นๆ
มาห่อพลาสติกเป็นรูปทรง “พีรามิด” และได้มีการเปลี่ยนชื่อจาก
“ยาหนม” มาเป็น “กาละแม”เพื่อให้ฟังดูไพเราะขึ้น
วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษาแหล่งที่มาของขนมกาละแม
2.เพื่อหาความเป็นเอกลักษณ์ ของขนมกาละแม
3.เพื่อสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่บรรพบุรุได้ทำต่อๆกันมารุ่นต่อรุ่น
4.เพื่อเผยแพร่ความรู้ให้คนทั่วไปได้รู้จักขนมพื้นบ้านมากขึ้น
หลักการและทฤษฎี
การทำขนมกาละแมในสมัยก่อนกวนกินกันเวลามีเทศกาลทำบุญพิธีต่างๆ
ในหมู่บ้าน เช่น แต่งงาน บวชนาคทอดกฐินขึ้นบ้านใหม่ ทำกันในหมู่ญาติ ปัจจุบันขนมกาแม ได้กลายเป็นอาชีพของชาวบ้านและทำให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น
พวกเราจึงสนใจที่จะศึกษาเรื่องนี้
ขอบเขตของโครงงาน
1.สำรวจแหล่งผลิตขนมกาละแม
2.ศึกษาเอกลักษณ์ของขนมกาละแม
3.มุ่งส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษา หรือบุคคลทั่วไป
ได้รู้จักขนมกาละแม
4.ระยะเวลาในการดำเนินงานระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม
5.อนุรักษ์สูตรขนมกาละแมรสดั้งเดิม
บทที่ 2
การศึกษาเอกสารอ้างอิง
การทำขนมกาละแมในสมัยก่อนกวนกินกันเวลามีเทศกาลทำบุญพิธีต่าง
ๆ ในหมู่บ้าน เช่น แต่งงาน บวชนาคทอดกฐินขึ้นบ้านใหม่ ทำกันในหมู่ญาติ ในสมัยรุ่นคุณทวดหนูเอียด
สังข์ ศิริ ราว พ.ศ. 2470 – 2480 เรียกว่า “ยาหนม หรือ กะยาหนม” โดยใช้น้ำตาลเหลว
เรียกว่าน้ำตาลโตนดใส่กะทิ ใส่แป้ง เมื่อก่อนใช้โม่กับมือที่เรียกว่า “ครกบด” เคี่ยวน้ำตาล ประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง จนเป็นยวงเหนียวข้นได้ที่
ต่อมาในรุ่นของคุณยายไพ สังข์สุมาตร ได้ทำขนมยาหนม
ไปขายที่จังหวัดตรัง จนกระทั่งลูกสาวคนที่ 2 ของยายไพ คือนางแคล้ว ชุมพูน ออกเรือนไปเมืองตรัง ก็ให้ลูกสาวคือนางคลาย
ชุมพูน ดำเนินการเป็นกาละแมสองเมือง ของแม่แคล้วเมืองตรังกับกาละแมแม่คลายเมืองพัทลุง
กิจการเติมโตขึ้นเรื่อย ๆ
และมีผู้นิยมบริโภคมากขึ้นจึงได้มีการขยายกิจการให้กับลูกของยายไพ คือ กาละแมแม่คลาย
แม่คลี่ แม่แปลก
เมื่อก่อนกาละแมจะตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมบรรจุถุงขายต่อมาได้มีการปรับปรุง
ใช้น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลปี๊บทำเป็นกาละแมสีขาว และเปลี่ยนรูปแบบจากการตัดเป็นชิ้นๆ
มาห่อพลาสติกเป็นรูปทรง “พีรามิด” และได้มีการเปลี่ยนชื่อจาก “ยาหนม” มาเป็น “กาละแม”เพื่อให้ฟังดูไพเราะขึ้น
เดิม กาละแมนิยมทำกันอยู่ 3 รส คือรสธรรมดา
(รสดั้งเดิม)รสกะทิ และรสใบเตย
ในราวปี พ.ศ. 2510 กาละแม ได้เป็นอาชีพของชาวนางลาดและทำให้ชาวนางลาดมีชีพและรายได้จากการรับจ้างกวน
กาละแม และการห่อกาละแมมาจนถึงปัจจุบันบางรายได้เปิดกิจการของตนเองทำให้กาละแมของ นางลาดมีผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้น
เมื่อแม่คลายเสียชีวิต นางประคอง เดชปรารมภ์ ลูกสาวได้ดูแลกิจการแทน
และได้เปลี่ยนชื่อจาก “กาละแมแม่คลาย” เป็น
“กาละแมแม่ประคอง” เนื่องจากเห็นว่าชื่อซ้ำกับผู้ประกอบการรายอื่นเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดของ
ลูกค้า และได้พัฒนาสูตรกาละแมเพิ่มขึ้นมาใหม่ จนกระทั่งปัจจุบันมีการทำรสต่างๆ ถึง
7 รส คือ รสธรรมดา (รสดั้งเดิม) รสกะทิสด และรสใบเตย รสขนุน
รสกาแฟ รสทุเรียนรสอัญชัญ
กะละแม เป็นขนมไทยลักษณะเป็นแป้งเหนียวสีดำ
เป็นขนมหนึ่งในสามชนิดที่นิยมทำขึ้นในวันปีใหม่ของคนไทยในสมัยก่อน
ซึ่งจะต้องทำให้เสร็จก่อนวันสงกรานต์ คือ
ข้าวเหนียวแก้ว ข้าวเหนียวแดง และกะละแม [1]
ยังไม่ทราบว่ากะละแมมีที่มาจากขนมหวานของชาติใด
บางท่านกล่าวว่ามาจากขนมกาลาเม็กของฝรั่งเศส หรือคาราเมลของอังกฤษ หรือเกละไมของชาวมลายู
พุทธทาสภิกขุตั้งข้อเสนอว่าน่าจะมาจากขนมฮูละวะของอินเดียที่มีส่วนผสมเป็นนม
แป้ง และน้ำตาล[2]
กะละแมมี 2 ชนิด แบ่งตามวิธีการกวนคือ [2]
กะละแมเม็ด (ดั้งเดิม)
กะละแมแบบนี้สีเข้ม ขนมอาจจะมีลักษณะเป็นจุดๆแทรกอยู่
กะละแมแป้ง แต่ใส่แป้งข้าวเหนียวแทนเม็ดข้าวเหนียว
กะละแมที่กวนขายในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นกะละแมแป้งเพราะทำง่ายกว่า
ขนมโดดอล
ทางภาคใต้จะมีขนมที่มีลักษณะคล้ายกะละแมเรียกขนมโดดอล
ขนมดอดอยหรือยาหนม (จ.สงขลา) ซึ่งใช้ในพิธีการต่างๆ เช่น กินสมางัต แบ่งเป็น 2 ชนิดคือโดดอลข้าวเจ้ากับโดดอลข้าวเหนียว
โดดอลข้าวเหนียว ประกอบด้วยแป้งข้าวเหนียว น้ำกะทิ น้ำตาลทรายกวนในกระทะจนร้อน
เหนียว แป้งเป็นสีน้ำตาล ขึ้นเงา โดดอลข้าวเจ้า ใช้แป้งข้าวเจ้า กะทิและน้ำตาลโตนด โดยมีวิธีปรุงเช่นเดียวกัน
ขันตอนการทำขนมกาละแม
1. ตำกาบมะพร้าวที่เผาไว้ให้แหลกใส่น้ำลงไป 1 ถ้วยตวงคนให้น้ำสีดำออกแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง จะได้น้ำสีดำทำจากกาบมะพร้าว
2. ผสมแป้งข้าวเหนียว แป้งถั่วเขียว เข้าด้วยกันในกระทะทอง ใส่น้ำสีดำ นวดแป้งให้เนียนผสมน้ำตาลทรายหัวกะทิคนให้เข้ากัน
3. ยกส่วนทั้งหมดตั้งไฟอ่อนๆ กวนแป้งให้เหนียวและล่อนออกจากกระทะจึงยกลง
4. เตรียมถาดสำหรับใส่ขนมทาน้ำมันพืชให้ทั่วเทขนมที่กวนไว้ลงในถาดเกลี่ยให้ เรียงเสมอกัน แล้วพักไว้ให้เย็นจึงตัดเป็นชั้นสี่เหลี่ยม ตามต้องการ
1. ตำกาบมะพร้าวที่เผาไว้ให้แหลกใส่น้ำลงไป 1 ถ้วยตวงคนให้น้ำสีดำออกแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง จะได้น้ำสีดำทำจากกาบมะพร้าว
2. ผสมแป้งข้าวเหนียว แป้งถั่วเขียว เข้าด้วยกันในกระทะทอง ใส่น้ำสีดำ นวดแป้งให้เนียนผสมน้ำตาลทรายหัวกะทิคนให้เข้ากัน
3. ยกส่วนทั้งหมดตั้งไฟอ่อนๆ กวนแป้งให้เหนียวและล่อนออกจากกระทะจึงยกลง
4. เตรียมถาดสำหรับใส่ขนมทาน้ำมันพืชให้ทั่วเทขนมที่กวนไว้ลงในถาดเกลี่ยให้ เรียงเสมอกัน แล้วพักไว้ให้เย็นจึงตัดเป็นชั้นสี่เหลี่ยม ตามต้องการ
บทที่ 3
วิธีการดำเนินโครงงาน
ขั้นตอนและการดำเนินงาน
ตารางปฏิบัติกิจกรรมโครงงาน 3
- 14 สิงหาคม 2555
วัน/เดือน/ปี
|
กิจกรรมที่ปฏิบัติ
|
สถานที่ทำกิจกรรม
|
ผู้รับผิดชอบ
|
3-4 สิงหาคม 2555
|
เลือกหัวข้อโครงงาน
วางแผนการดำเนินงาน
|
ห้องเรียน
ห้องสมุด วนศ.นศ
|
สมาชิกในกลุ่ม
|
5-7 สิงหาคม 2555
|
ศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ
|
ห้องเรียน
ห้องสมุด วนศ.นศ
|
สมาชิกในกลุ่ม
|
8-10 สิงหาคม 2555
|
-
ลงมือปฏิบัติงาน
-
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
|
บ้านป้าตา
|
สมาชิกในกลุ่ม
|
11-13สิงหาคม2555
|
-
เขียนรายงานโครงงานจัดทำรูปเล่ม
และสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม
|
ห้องเรียน
|
สมาชิกในกลุ่ม
|
14 สิงหาคม 2555
|
- นำเสนอข้อมูลการทำขนมกาละแมและรายงานผลการปฏิบัติงาน
|
ห้องเรียน
|
สมาชิกในกลุ่ม
|
เครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำขนมกาละแม
1.แป้งข้าวเหนียว
2.น้ำตาลทราย
3.น้ำกะทิ
4.ตอก
5.เชือก
6.กะทะ
7.ไม้พายขนม
8.กะละมัง
9.ตะแกรง
วิธีการศึกษา
1. ศึกษาข้อมูลจากป้าตา เจ้าของสูตรขนมกาละแม
แบบดั้งเดิม
2. ศึกษาจากเอกสารอ้างอิง และคำบอกเล่าของผู้รู้
3. ประเด็นการศึกษา
- ประวัติความเป็นมาของขนมกาละแม
- วิธีการผลิตและจัดจำหน่ายขนมกาละแม
-
การรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของขนมกาละแม
ผลการศึกษา
-
ได้รู้ประวัติความเป็นมาของขนมกาละแม
- ได้รู้วิธีการผลิตและจัดจำหน่ายขนมกาละแม
-
ได้รู้การรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของขนมกาละแม
บทที่ 4
ผลการศึกษา
-
ได้รู้ประวัติความเป็นมาของขนมกาละแม
- ได้รู้วิธีการผลิตและจัดจำหน่ายขนมกาละแม
-
ได้รู้การรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของขนมกาละแม




สถานที่ดำเนินงาน
บ้านป้าตา
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.ได้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับขนมกาละแม
2.ได้เผยแพร่ความรู้ให้กับบุคคลทั่วไป
3.เป็นการส่งเสริมอาชีพ ในอนาคต
4.นักเรียนเกิดทักษะในการฝึกประสบการณ์นอกสถานที่
5.นักเรียนได้ฝึกคิด วิเคราะห์ และแก้ไขปัญหา
แล้วนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
6.เพื่อให้นักเรียนรู้จักใช้วัสดุจากธรรมชาติ
ให้เกิดประโยชน์
เอกสารอ้างอิง
จิรวัฒน์ เกื้ออำนวย. (2543). ตัวอย่างโครงงาน. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สันติชัย พิศปรีชา. (2552). โครงงานวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ : ปราณีการพิมพ์.
กำจร
สุนพงศ์ศรี. (2551). ขนมไทย.
กรุงเทพฯ : อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ศุภชัย สิงห์ราช. (2552). ภูมิปัญญาไทย. กรุงเทพฯ : บ้านขนม






ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น